วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ECU คืออะไร และมีหน้าที่อะไร , กล่องแต่งดีใหม


          ECU หรือที่เราเรียกกันว่า “กล่องเครื่อง” ย่อมาจาก Electronic Control Unit เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีพื้นฐานมาจากคอมพิวเตอร์ หน้าที่หลักของกล่องเครื่อง ECU คือเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อนำมาประมวลผล และใช้ในการควบคุมการการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ตามมาตรฐานทางด้านมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่กำลังของเครื่องยนต์ยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งการตรวจ สอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ (Diagnostic) นอกจากนี้ในปัจจุบันค่ายรถยนต์ ต่างๆได้มีการเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะให้กับ ECU และเครื่องยนต์ของตนเอง ตามเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาของแต่ละค่าย

          ในเครื่องยนต์ปัจจุบัน ECU จะไม่ควบคุมเพียงแค่ การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และ การจุดระเบิดเท่านั้น ECU ยังสามารถที่จะควบคุมระบบต่างๆ อาทิเช่นระบบปรับความยาวท่อร่วมไอดีแปรผัน ระบบวาล์วแปรผัน การทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ พัดลมระบายความร้อน ระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ซึ่งความสามารถเหล่านี้ไม่เป็นเพียงการลดความซ้ำซ้อนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ECU สามารถที่จะจัดการให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานสัมพันธ์กันได้ เพื่อประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูงสุด ลดมลภาวะ และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ยังผลให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีกำลังที่สูงขึ้น ยืดอายุการใช้งาน มีการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และลดมลภาวะที่ปล่อยออกมา นอกจากนี้ ECU ยังทำงานร่วมกับระบบกันขโมย (Immobilizer) โดยระบบจะไม่อนุญาตให้กุญแจที่ไม่ถูกต้องสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้


กล่องECU ของเครื่องยนต์ ถ้าแบ่งตามการโปรแกรมข้อมูลก็จะแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ

1. กล่อง Standard จะติดมากับเครื่องยนต์ ป้อนข้อมูลมาแล้ว ใช้สำหรับเครื่องยนต์ที่ออกมาจากโรงงาน กล่องพวกนี้ บางรุ่นก็จะเปลี่ยน Rom หรือ Eprom ได้ บางรุ่นก็เปลี่ยนไม่ได้


2. กล่อง Modify กล่องแบบนี้ จะมีการโปรแกรมข้อมูลขึ้นมาใหม่เพื่อให้เหมาะกับ Hardware
ที่เปลี่ยนเข้าไปในเครื่องยนต์เครื่องนั้น กล่องพวกนี้บางคนเรียกว่ากล่องแต่ง ซึ่งก็มีหลายยี่ห้ออยู่เหมือนกัน เช่น Mine's , Mugen

3. กล่องที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ด้วยตัวมันเอง กล่องพวกนี้ตอนซื้อมาจะไม่มีการเขียนโปรแกรมมา มีแต่ Software มาให้
ซึ่งก็แยกตามประเภทการใช้งานออกเป็น 2 แบบคือ
 - แบบต่อพ่วงกล่องเดิม (Piggyback) เช่นE-Manage, Unichip , เป็นต้น
 - แบบใช้งานเดี่ยวๆ (Stand Alone) กล่องพวกนี้จะมีราคาแพง แต่คุณภาพล้นเหลือ
เช่น EMS, F-Con, Motec

          ในการจะไปกำหนดว่าจะจ่ายน้ำมันเท่าไร องศาไฟจุดระเบิดแบบใหน ก็ขึ้นอยู่กับHardwareที่ใส่ในเครื่อง เจ้าHardwareที่ว่า ได้แก่ ขนาดของหัวฉีด , แคมชาร์ฟ , วาล์ว , คอไอดี , เทอร์โบ และอื่นๆ
โดยผู้ที่เขียนโปรแกรมหรือจูนเนอร์ จะปรับโปรแกรมให้สอดคล้องกับ Hardware ที่อยู่ในเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด ณ จุดนั้น

          บางคนถามหากล่องโมฯ (กล่องแบบที่ 2) โดยต้องการจะเอามาใส่กับรถของตน และถามว่ามันดีใหม ถ้าเรามองในแง่ของการปรับโปรแกรมในกล่อง จะพบว่าองค์ประกอบหลักก็คือ Hardware ของตัวเครื่องยนต์ กล่องใบนั้นๆ จะมีการปรับโปรแกรมให้เหมาะกับHaredware ของเครื่องยนต์นั้นๆ ซึ่งรถคันนั้นแรงแน่ แต่ถ้าจะเอามาใส่ในรถเรา มันจะแรงได้อย่างไร  ในเมื่อHardwareมันต่างกัน จะให้มันแรงเราต้องเปลี่ยน Hardware ให้เหมือนกับตัวเครื่องยนต์ที่เคยใช้กล่องนั้น........ ซึ่งถ้าเราไม่มีข้อมูลของเครื่องตัวนั้นมาด้วย เราไม่มีโอกาสรู้ได้เลย เมื่อปรับเปลี่ยน Hardware ให้เหมือนไม่ได้ ใส่กล่องโมฯ ที่ว่าเข้าไป ก็ไม่แรงหรอก ดังนั้นกล่องโมฯ ที่มาเพียงกล่อง ก็ไม่ต่างอะไรกับกล่องเหล็กที่ไร้ค่า มีประโยชน์แค่วางทับไม่ไห้เศษกระดาษปลิว(พวกขายกล่องแต่งอย่าด่าผมนะครับ เพราะนี่คือความจริง)

          หากคุณต้องการความแรงเพิ่มขึ้น ควรใช้กล่องเดิมแล้วเปลี่ยน Rom พร้อมจูนโปรแกรมใหม่(หากกล่องรุ่นนั้นทำได้) หรือใช้กล่องแบบที่ 3  แล้วหาจูนเนอร์มือดี ปรับโปรแกรมให้เข้ากับ Hardwareในรถคุณ ความแรงมาเห็นๆ

Credit galantvr4club.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น