กรองอากาศ
ในทางวิศวกรรม การบอกลักษณะของกรองอากาศ จะพูดถึง
- ประสิทธิภาพ (Efficiency) เป็นการวัดความสามารถในการกำจัดฝุ่นออกจากอากาศ
- ความสามารถในการเก็บฝุ่น (Dust holding capacity) หมายถึงปริมาณฝุ่นที่กรองอากาศ สามารถเก็บไว้ได้
- ความเสียดทานของกระแสลม(Air flow resistance) คือค่าความดันตก (Static pressure drop) เมื่อผ่านกรองอากาศแล้ว
พูดถึงเรื่องขนาดของฝุ่น, ไอเสีย ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น ไมครอน (Micron) ขนาดของฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศจะมีขนาด 0.001 ถึง 1 ไมครอน (ขนาดฝุ่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่า มีขนาด 10 ไมครอน) และขนาดของไอเสียเท่ากับ 0.01 ถึง 1 ไมครอน ดังนั้นกรองอากาศที่จะสามารถดักจับฝุ่น และไอเสีย เหล่านี้ได้จะต้องมีประสิทธิภาพดีจริง ๆ สำหรับการวัดประสิทธิภาพ ก็จะมีวิธีทดสอบต่างกันไป ตามมาตรฐานของสถาบันต่างๆ เช่น ASHARE, AFI, NBS โดยวิธีทดสอบที่นิยมใช้ก็มี
|
นอกจากนี้กรองอากาศที่นิยมใช้กับรถยนต์ แบ่งได้ดังนี้
ทำไมจึงมีข้อแนะนำให้ ทำความสะอาดกรองอากาศแบบชนิดที่ใช้งานแล้วทิ้ง ?? เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ก่อนที่จะเปลี่ยนกรองอากาศใหม่ เราสามารถยืดอายุการใช้งานของกรองอากาศ โดยการทำในข้อ 2 คือ ความสามารถในการเก็บฝุนของกรองอากาศ นั่นคือ กำจัดฝุ่นเดิมที่กรองอากาศกักไว้ ให้กรองอากาศสามารถดักจับฝุนใหม่ได้ โดยที่กรองอากาศยังไม่อุดตันเสียก่อน นอกจากนี้ยังช่วยให้อากาศสามารถผ่านกรองได้สะดวกขึ้น ซึ่งช่วยให้ผลในการประหยัดน้ำมัน แน่นอนครับประสิทธิภาพของกรองอากาศ ก็จะลดลงไปบ้าง สิ่งที่อยากให้ผู้ใช้รถทุกคนได้ทราบก็คือ ข้อแนะนำต่างๆ จากผู้ผลิต เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เนื่องจากได้ผ่านการทดสอบมาแล้ว แต่ ในสภาพการใช้งานที่แตกต่างไป ผู้ใช้รถ ก็สามารถที่จะศึกษา หรือหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ได้ ที่มา : auto2thai.com |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น