วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระบบจุดระเบิด : เริ่มกับขั้นต้นที่ไม่บานปลาย

          บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรื่องระบบจุดระเบิดมันเพิ่งมาจั่วหัวเอาในตอนนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจผมแค่อยากเก็บไว้ให้ท่านได้ปรับปรุงการนำอากาศเข้าและการเอาไอเสียออกให้ครบกระบวนเสียก่อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องจุดระเบิดเพื่อที่จะได้เซ็ตกันครั้งเดียวแล้วจบอย่างเหมาะสมกับสถานภาพของเครื่องยนต์เลย

          เริ่มต้นก่อนกับหัวเทียนซึ่งเป็นชิ้นที่เลือกง่ายและไม่ค่อยมากเรื่องนัก ในรถที่โมดิฟายเพียงเล็กน้อยที่จริงแล้วคุณสามารถใช้หัวเทียนเบอร์เดิมตามสเป็คโรงงานได้เลย โดยที่ชีวิตไม่หดหู่ แต่หากมีโอกาสในการเลือกหัวเทียนให้เหมาะกับการขับขี่ในสไตล์ของตนเอง และความโหดในการขับขี่ก็จะดีกว่าเคยได้ยินคำพูดว่า "หัวเทียนเบอร์ 6 หรือหัวเทียนเบอร์7" ไหมครับ?  ไม่ต้องคิดมากเพราะสิ่งที่เขาพูดกันมันคือความสามารถในการขับความร้อนออกจากตัวเองของหัวเทียนนั่นเอง พวกหัวเทียนที่สามารถเก็บความร้อนไว้ในตัวเองได้มาก ๆ นั้นเขาเรียกว่า "หัวเทียนร้อน" ซึ่งมีข้อดี คือ ทำให้รถสตาร์ทติดง่ายและเผาไหม้หมดจด ในการขับขี่ทั่วไปแต่เมื่อทารุณกรรมมันหนักเข้า ตัวหัวเทียนเองก็จะอมความร้อนจนทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เขาจึงต้องมีหัวเทียนเย็น ซึ่งมีแกนเก็บความร้อนไว้ในตัวเองเล็ก และจะระบายความร้อนจากตัวหัวเทียนไปสู่เบ้าหัวเทียน และรอบนอกได้ดีเพื่อช่วยให้ตัวหัวเทียนไม่ร้อนเกินไป จึงทำงานได้เสถียรกว่าในเครื่องที่โมดิฟายมา หรือเครื่องที่เจ้าของชอบขับแบบไอร์ตั้นเซนน่ากลับชาติมาเกิด ส่วนข้อเสียก็กลับกันกับหัวเทียนร้อนก็คือเวลาอากาศเย็นจะสตาร์ทยากหน่อย


          หัวเทียนยี่ห้อ NGK คือค่ายที่เลือกใช้เลขเบอร์ 5, 6, 7, 8 ในการบอกระดับความร้อน-เย็นของหัวเทียน หัวเทียนเบอร์ 5 นั้นใช้ในรถบ้านรักสันติและรถสเป็คโรงงานบางรุ่น ในขณะที่เบอร์ 7 เป็นหัวเทียนเย็นสามารถรองรับการขับขี่ที่ดุดันได้ดีสำหรับรถโมดิฟายแบบประถม ส่วนเบอร์ 6 นั้นจะอยู่กึ่งกลางขอให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ส่วนเกรดของหัวเทียนยุคใหม่นี้ก็มักจะมีการแบ่งเป็นพวกหัวเทียน Platinum หรือ หัวเทียน Iridium ไปจนถึงหัวเทียน Iridium เกรดขนาดรถซิ่งราคาก็มีตั้งแต่หัวละ 200 บาท ไปจนถึงระดับเทพหัวละเกือบพันก็มี ผมแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องเทพขนาดนั้นก็ได้ครับ เพราะเรายังไม่ได้จะทำรถแข่งสนามลำพังหัวเทียน Iridium เกรดดีราคาหัวละไม่เกิน 400 บาท ก็ใช้การได้ดีพอรองรับม้า100 กว่าตัวต่อลิตรได้ แถมใช้กับเครื่องเทอร์โบยังพอเลยด้วยซ้ำ

          ถัดมาจากหัวเทียนทีนี้ต้องมาสำรวจก่อนแล้วว่าระบบจุดระเบิดของรถคุณเป็นแบบไหน ในรถยุค 90s หรือ รถเก่ามักใช้ระบบจุดระเบิดแบบจานจ่ายต่อส่งไฟมายังหัวเทียนด้วยสายหัวเทียน ถ้าเป็นแบบนี้ยินดีด้วยครับ Old fashion ของดีราคาถูกยังมีลูกเล่นให้ไปต่อได้ง่าย พวกที่ทันสมัยใช้ไดเร็คคอยล์ เชิญไปพักดื่มน้ำได้เลย

          เครื่องยนต์ที่ใช้จานจ่ายถึงมีข้อเสียที่ความโบราณ แต่สามารถเพิ่มขีดความสามารถได้ง่ายยกตัวอย่าง เช่น คอยล์จุดระเบิดซึ่งทำหน้าที่ส่งกระแสไฟไปจุดหัวเทียนนั้น สามารถดัดแปลงเอาคอยล์จุดระเบิดของเครื่องโรตารี่ Mazda (13B หรือ20B) มาดัดแปลงใส่แทนคอยล์เดิมได้ คอยล์โรตารี่มีจุดเด่นตรงที่ให้ไฟแรงสูง มีความเสถียรในการทำงานรอบสูงเพราะในเครื่องโรตารีนั้นมีจังหวะการจุดระเบิดถี่วิปริตมาก ๆ อันเกิดจากการที่ข้อเหวี่ยงหมุนรอบเดียวต้องจุดไฟให้ 3 หัวเทียนต่อ 1 โรเตอร์ในขณะที่รถ 4 สูบ ของพวกเราข้อเหวี่ยงหมุน 1 รอบมีการจุดระเบิดแค่ 2 ครั้ง ราคาอะไหล่มือสองก็แค่พันบาทบวกลบ สำหรับรถที่มีคอยล์จุดระเบิดแยกมาจากจานจ่ายอย่างพวก Nissan GA หรือ SR นั้น แปลงใส่ง่ายมากส่วนเครื่อง Honda บล็อค D และ B ซึ่งคอยล์เดิมฝังอยู่ในจานจ่ายก็จะแปลงยากขึ้นเล็กน้อย แต่จะได้ประโยชน์จากการย้ายคอยล์มาอยู่ข้างนอก เพราะความร้อนสะสมน้อยลงและอายุการใช้งานยืนยาวขึ้นกว่าการฝังคอยล์ไว้ในชุดกะลาจานจ่าย


          ส่วนสายหัวเทียนนั้น หากของเดิมติดรถไม่ได้ชำรุดอะไร ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นของซิ่งหรือของที่มีราคาแพง อย่างรถของผมเองมีการโมดิฟายเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดที่กำลังไฟสูงกว่าคอยล์เดิมโรงงาน ก็สามารถใช้สายหัวเทียนเดิมได้ ลองสลับใส่สายหัวเทียนแต่งกลับไม่รู้สึกว่ามันแรงขึ้น แต่รู้น่า..ว่าบางทีเห็นไอ้สายพวกนี้ห้อย ๆ อยู่ตามเซียงกงเห็นสีสันสวยงามน่าเอากลับบ้าน ก็ถ้าราคาไม่แรงเกิน 2,500 บาท และของอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีรอยฉีกรอยหนูแทะสายไม่หักใน เอามาลองใส่ก็ได้ครับ แต่บอกไว้ตรงนี้ว่ารถคอยล์เดิมเปลี่ยนสายหัวเทียนกับรถที่สายหัวเทียนเดิม(และสภาพดี) แล้วเปลี่ยนคอยล์ที่ไฟแรงขึ้นไอ้อย่างหลังนี่ให้ผลดีกว่าชัดเจนนะ

          เอ้า! เปลี่ยนอวัยวะจุดระเบิดกันแล้ว ก็อย่าลืมตั้งองศาจุดระเบิดเสียด้วยเลยเพราะนี่ก็นับเป็น "Free horse without extra cost" อย่างหนึ่ง การที่เราขันน็อตและหมุนจานจ่ายไปมานั้น ก็คือการเลื่อนไทม์มิ่งการจุดระเบิดพื้นฐาน(Base timing) ของ ECU ด้วยวิธีการทางกลไกหมุนจานจ่ายไปทางข้างหลังรถจะเป็นการเลื่อนจังหวะจุดระเบิดให้เข้าใกล้จุดศูนย์ตายบนมากยิ่งขึ้น และถ้าหมุนมากไป ทีนี้ก็จะกลายเป็น Advance มากจนไปจุดระเบิดเอาในจังหวะที่ลูกสูบเลื่อนขึ้น..ก็จะมีอาการน็อคให้เห็น บางคนรถเก่าเปลี่ยนจานจ่ายมาช่างตั้งจานจ่ายมาแบบขอไปที หรือไม่ก็ตั้งมาเผื่อเติมน้ำมันออคเทนต่ำ ๆ ก็สามารถปรับตั้งให้เหมาะกับออคเทน 95 ได้สามารถทำแบบถูกและเป็นระเบียบด้วยการค้นหาข้อมูลในเว็บ ว่าเครื่องยนต์รุ่นที่เราใช้นั้นเขาตั้งไฟจุดระเบิดบวกกันกี่องศาแล้วก็ไปให้อู่ยิง Timing light ปรับให้ตามที่เราต้องการแต่กับพวกผมซึ่งขี้เหนียวขี้เกียจซื้อ Timing light ก็ใช้วิธีหมุนจานจ่ายเอาเลยแล้วก็ไปลองวิ่งดูหากไม่พบอาการเขกก็ดับเครื่องแล้วหมุนไปอีกหมุนทีละ 1-2 ..พอ จนกระทั่งเริ่มพบอาการเขกเมื่อพบแล้วค่อยถอยจานจ่ายกลับทีละ 0.5-1 .. จนกระทั่งเสียงเขกหายไปหมดสิ้นนั่น คือวิธีการตั้งจานจ่ายแบบขี้เหนียวแต่ใช้การได้เหมือนกัน

          สิ่งที่ไม่ควรลืมคือศึกษาวิธีตั้งจานจ่ายให้ดี เพราะจานจ่ายนั้นแม้จะเป็นกลไกแต่คอยล์นั้นมีระบบสั่งการมาจากกล่อง ECU รถส่วนมากต้องวอร์มเครื่องให้เข็มความร้อนอยู่ตรงกลางก่อนจึงจะปรับได้ ยิ่งพวกNissan นี่เรื่องมากที่สุด เรียกได้ว่าต้องประกอบพิธีกรรมตามแบบแผนของมันก่อนจึงจะปรับได้สำเร็จ ไม่งั้น ECU จะปรับค่าการจุดระเบิดเข้าที่เดิม
          วิธีการปรับของพวก Nissan ก็คือวอร์มเครื่องให้ถึงอุณหภูมิทำงานก่อน จากนั้นดับเครื่องถอดเซนเซอร์ลิ้นคันเร่งออก(ถ้าถอดถูกรอบเครื่องจะสวิงขึ้นนิดหน่อย) จากนั้นเบิ้ลเครื่องให้รอบ กวาดผ่าน 2,500 รอบ 3 ครั้ง และปรับหมุนจานจ่าย จากนั้นดับเครื่องเสียบเซนเซอร์คืนแล้วสตาร์ทอีกรอบเป็นอันจบ ..ยุ่งดีไหม? Toyota กับ Honda ไม่เห็นต้องทำอะไรแบบนี้
          เป็นอันว่างานของพวกจานจ่ายก็จบแล้ว..แล้วบรรดารถที่มีระบบจุดระเบิดแบบ Direct Coil ทั้งหลายล่ะ?          ไม่ต้องทำอะไรนอกจากนำรถไปที่ศูนย์แล้ว เช็คดูว่าสามารถปรับองศาจุดระเบิดจากเดิมได้หรือไม่ รถจากโรงงานส่วนมากมักปรับมาเผื่อไว้สำหรับน้ำมันออคเทนต่ำ ซึ่งถ้าเราคิดจะเติมแต่โซฮอล์ 95 หรือเบนซิน 95 ก็แปลว่ามีโอกาสที่จะใช้เครื่อง Consult ของศูนย์ดันองศาไฟจุดระเบิดเพิ่มได้ อีกอย่างของ Nissan HR16DE นั้นสามารถขอให้ช่างปรับบวกเพิ่มได้อีก 2 องศา และ Teana ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
          นอกจากนี้ทำอะไรได้อีกหรือไม่ ? ทำได้ครับ เช่น พ่วงกล่องอัดไฟอย่าง HKS Twin Power หรืออุดหนุนของชาวไทยอย่าง Winning Power Booster เพื่อเพิ่มกำลังไฟและรักษากระแสไฟให้มีความเสถียรก็ได้ แต่ถ้าผมบอกราคาในการใส่อุปกรณ์เหล่านี้(หมื่นกลางๆ) คุณอาจจะเก็บเงินไว้ก่อนแล้วไปทุ่มลงที่สิ่งของในย่อหน้าข้างล่างต่อไปนี้จะคุ้มกว่า


เนื้อหาบทความและรูปภาพจากคอลัมน์ Fart & Furious โดย Commander CHENG จาก www.headlightmag.com

2 ความคิดเห็น:

  1. พี่ครับ ถ้าผมมีงบแค่2-3พัน ต้องการทำให้เครื่องNAแรงขึ้น โดยคุ้มค่ากับค่าน้ำมันที่เสียไปกับความแรง(คือถ้าไม่ขับโหดก็กินปกติ ถ้าขับโหดกินเกินปกติอันนี้ไหวครับ) พอมีวิธีไหมครับ

    ตอบลบ
  2. คุณ Konun ครับ
    ผมว่าขั้นแรก ให้ลองเปลี่ยนกรองอากาศดูครับ ผมเคยเปลี่ยนกรองเปลือยของ K&N ใส่ใน mazda3 1.6 ตัวก่อน minor change ขับแล้วรู้สึกดีขั้นจริง ๆ อัตราเร่งมาไวขึ้น เสียงเครื่อง(ขณะเร่ง)และ Feeling เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ การสิ้นเปลืองไม่เปลี่ยนไปจากเดิมครับ

    แรก ๆ ใช้กรองแผ่นของ K&N ก็ได้ครับ ลองดูครับ

    ตอบลบ