วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเก่า นำมาเล่าใหม่ "แฉแก๊งรถหรูแจ้งติดแก๊สหลีกเลี่ยงภาษี"


          แฉเล่ห์แก๊งนำเข้ารถ "รถหรูจดประกอบ" ปอร์เช่ เฟอร์รารี่ สปอร์ตซิ่ง แต่กลับแจ้งติด "แก๊ส" หลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า รัฐสูญรายได้ 30 % ทำเป็นขบวนการ  สำแดงนำเข้าเป็นอะไหล่รถ แต่ที่จริงนำมาเป็นคัน ก่อนไปขอจดทะเบียน แจ้งติดแก๊ส หลีกเลี่ยงขั้นตอนตรวจ “สมอ.” ให้ขนส่งล้างเล่ม ก่อนขายให้กลุ่มรักรถหรู-รถซิ่ง ราคาต่ำกว่าท้องตลาด คาดมีเป็นพัน ๆ คัน “ศส.บช.น.” เตือน คนซื้อมาใช้อาจน้ำตาตกใน เสียเงินแถมถูกยึดรถ
          แฉเล่ห์แก๊งนำเข้ารถหรู จดประกอบเลี่ยงภาษีครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพ่อค้าหัวใสนำเข้ารถหรู หรือ รถสปอร์ต ราคาแพง อาทิ เฟอร์รารี่ ปอร์เช่ มินิออสติน หรือรถซิ่งจำพวก โตโยต้าซูปร้า นิสสันตระกูล “แซด” รวมไปถึง มิตซูบิชิอีโวลูชั่น นำเข้ามาจำหน่ายให้กับแวดวงผู้ชื่นชอบรถหรู แรง ขับแซงคนเหลียว ในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ พบว่าผู้นำเข้ารถดังกล่าวซึ่งกระทำกันเป็นขบวนการ จะใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายหลีกเลี่ยงจ่ายภาษี โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า “จดประกอบ” และมีความเป็น  ไปได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ บางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทุจริตด้วย ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากภาษีต่อรถหนึ่งคัน ราว 25-30% ซึ่งขณะนี้ในท้องถนนมีรถจดประกอบดังกล่าวขับอยู่ราว 1 พันคัน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการนำเข้ารถหรู รถสปอร์ตเหล่านี้ จะใช้วิธีการไปประมูล รถยนต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นรถมือ 2 จากต่างประเทศ จากนั้นจะสำแดงการนำเข้าว่าเป็นการนำเข้าอะไหล่ เนื่องจากมีกฎหมายห้ามนำเข้ารถยนต์มือสองของกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 85 พ.ศ. 2534 บังคับใช้เพื่อคุ้มครอง อุตสาหกรรมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าดังกล่าว จะนำเข้ารถเป็นคัน ไม่ใช่เศษชิ้นส่วนอะไหล่ตามที่อ้าง เพียงแต่มีการถอดเครื่องยนต์และล้อรถยนต์ออกไป เมื่อมีการขนส่งมาถึงเมืองไทย ขบวนการนี้จะนำรถยนต์หรูที่อ้างว่าเป็นอะไหล่ไปขอออกใบอินวอยซ์แสดงรายการสินค้าจากศุลกากร โดยเฉพาะหมายเลขโครงแชสซีส์ของรถเพื่อเสียภาษีศุลกากร หลังจากนั้นจะนำใบอินวอยซ์ที่ได้มา ไปใช้ในขั้นตอนแจ้งประกอบรถยนต์ขึ้นมาใหม่ด้วยการหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตเพื่อให้รถยนต์เหล่านี้ นำไปขอจดทะเบียน ได้อย่างแยบยล

          ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากได้ใบอินวอยซ์มา ขบวนการนี้จะนำรถยนต์ไป  ให้ผู้ประกอบรถยนต์ซึ่งมีเพียงไม่กี่บริษัทประกอบรถขึ้นมา หรือที่เรียกกันว่าจดประกอบ ก่อนนำไปเสียภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ. พิกัดภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 กำหนดต้องจ่ายภาษีราว 30% จากมูลค่ารถยนต์ โดยมีอัตราภาษีแตกต่างกันตามความจุของ   กระบอกสูบและกำลังแรงม้าเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนตรวจมาตรฐานตาม สมอ. ที่มีการตรวจวัดมาตรฐาน เข้มงวดอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามในขั้นตอนนี้ ขบวนการจะใช้วิธีหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีและตรวจมาตรฐาน สมอ. ด้วยการสำแดงว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง หรือรถที่ใช้แก๊สแอลพีจี เอ็นจีวี ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ที่รถสปอร์ตเฟอร์รารี่ ปอร์เช่ หรือแม้กระทั่งรถซิ่ง      ต่าง ๆ จะใช้แก๊สในการขับเคลื่อน หลังจากนั้น ขบวนการนี้จะนำรถยนต์หรูที่ซิกแซ็กการหนีภาษีและตรวจสภาพ ไปขอจดทะเบียนที่กรมการขนส่งในแถบปริมณฑล ซึ่งจะมีการขอให้มีการล้างเล่มใหม่ ไม่ให้มีการระบุในท้ายเล่มว่าเป็นรถที่ใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้แนบเนียนในการจำหน่ายต่อให้ผู้ชื่นชอบรถราคาแพงในราคาต่ำกว่าท้องตลาด

          พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผกก. ศส.บช.น. รับผิดชอบงานปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กล่าวว่า วิธีการที่ขบวนการนำเข้าใช้ ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้มหา ศาลนับสิบ ๆ ล้านบาท และรถที่หลีกเลี่ยงด้วยวิธีการจดประกอบเหล่านี้ มีสิทธิถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิต หรือตำรวจยึดไปตรวจสอบได้ โดยผู้ซื้อที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจต้องน้ำตาตกในเพราะถูกย้อมแมวจากผู้ขาย อาจถูกปรับให้เสียภาษีย้อนหลัง หรือถึงขั้นถูกยึดรถก็มี จากข้อมูลคร่าว ๆ พบว่าในปัจจุบัน น่าจะมีรถสปอร์ตที่หลีกเลี่ยงภาษีด้วยการจดประกอบ ไม่ต่ำกว่า 1 พันคัน “ผมคิดว่าทุกฝ่ายน่าจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจังในเรื่องนี้ ตำรวจมีหน้าที่กวดจับหลังเกิดเหตุ แต่หน่วยงานที่ป้องปรามไม่ให้เกิดเรื่องขึ้น ควรประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของขบวนการนี้ ในอนาคตอาจต้องมีการตรวจสอบรถสปอร์ตที่แจ้งติดแก๊สอย่างจริงจัง ว่ามีการติดถังแก๊สจริง ไม่ใช่อ้างลอย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี”